เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [42. ภัททาลิวรรค] 2. เอกฉัตติยเถราปทาน
[72] ผู้นี้จักเป็นธรรมทายาทของพระศาสดาพระองค์นั้น
เป็นโอรสที่ธรรมเนรมิต
กำหนดรู้อาสวะทั้งปวงเป็นผู้ไม่มีอาสวะแล้วนิพพาน
[73] นับแต่กาลที่ข้าพเจ้าได้ทำกรรม
คือการได้กั้นฉัตรถวายพระพุทธเจ้าเป็นต้นมา
ในระหว่างนี้ข้าพเจ้าไม่รู้ภาวะที่ตนไม่เคยได้รับการกั้นเศวตฉัตรให้
[74] ภพนี้เป็นภพสุดท้ายของข้าพเจ้า
ภพสุดท้ายกำลังเป็นไปอยู่
ทุกวันนี้เหนือศีรษะของข้าพเจ้า
ก็ได้มีการกั้นฉัตรตลอดกาลเป็นนิตย์
[75] โอหนอ กรรมข้าพเจ้าได้ทำไว้ดีแล้ว
ในสำนักพระพุทธเจ้าพระนามว่าอัตถทัสสี ผู้มั่นคง
อาสวะทั้งปวงสิ้นไปแล้ว
บัดนี้ ภพใหม่ไม่มีอีก
[76] กิเลสทั้งหลายข้าพเจ้าก็เผาได้แล้ว
ภพทั้งปวงข้าพเจ้าก็ถอนได้แล้ว
ข้าพเจ้าตัดกิเลสเครื่องผูกพันได้แล้วอยู่อย่างผู้ไม่มีอาสวะ
ดุจพญาช้างตัดเครื่องพันธนาการได้แล้วอยู่อย่างอิสระ
[77] การที่ข้าพเจ้ามาในสำนักของพระพุทธเจ้า
เป็นการมาดีแล้วโดยแท้
วิชชา 3 ข้าพเจ้าได้บรรลุแล้วโดยลำดับ
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว
[78] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา 4 วิโมกข์ 8
และอภิญญา 6 ข้าพเจ้าก็ได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระเอกฉัตติยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
เอกฉัตติยเถราปทานที่ 2 จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 33 หน้า :12 }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [42. ภัททาลิวรรค] 3. ติณสูลกฉาทนิยเถราปทาน
3. ติณสูลกฉาทนิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระติณสูลกฉาทนิยเถระ
(พระติณสูลกฉาทนิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[79] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าได้พิจารณาความเกิด ความแก่
และความตายแล้วปลีกตัวออกบวชเป็นบรรพชิตแต่ผู้เดียว
[80] เมื่อข้าพเจ้าเที่ยวไปโดยลำดับ ได้ไปถึงฝั่งแม่น้ำคงคา
เห็นพื้นดินที่ฝั่งแม่น้ำคงคานั้นราบเรียบ
[81] จึงได้สร้างอาศรมที่ฝั่งแม่น้ำคงคานั้น
อยู่ในอาศรมของข้าพเจ้านั้น
ที่จงกรมซึ่งประกอบด้วยหมู่นกนานาชนิด
ซึ่งข้าพเจ้าสร้างไว้ดีแล้ว
[82] สัตว์ทั้งหลายอยู่ใกล้ข้าพเจ้า ก็ส่งเสียงน่ารื่นรมย์ใจ
ข้าพเจ้ารื่นรมย์กับสัตว์เหล่านั้นอยู่ในอาศรม
[83] ที่ใกล้อาศรมของข้าพเจ้ามีราชสีห์สามารถก้าวไปได้โดยทิศทั้ง 4
ออกจากที่อยู่แล้ว คำรามเหมือนเสียงอสนีบาต
[84] ก็เมื่อราชสีห์คำรน ข้าพเจ้าเกิดความร่าเริง
ค้นหาราชสีห์อยู่ จึงได้เห็นพระพุทธเจ้าผู้ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก
[85] ครั้นได้เห็นพระพุทธเจ้าผู้ทรงเป็นผู้นำชั้นเลิศของโลก
พระนามว่าติสสะ ผู้เป็นเทพยิ่งกว่าเทพ
ข้าพเจ้ามีจิตร่าเริง บันเทิงใจ จึงบูชาพระองค์
ด้วยเกสรดอกกากะทิง
[86] ได้ชื่นชมพระองค์ผู้ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก
ผู้เหมือนดวงอาทิตย์กำลังอุทัย
เหมือนต้นพญาไม้สาละซึ่งมีดอกเบ่งบาน
เหมือนดาวประกายพรึกกำลังทอแสงสว่างไสวว่า

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 33 หน้า :13 }